ความจริงแล้ว ถ้าอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรมก็ต้องบอกว่า การเจาะช่องแสงในบ้าน จะทำให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในบ้าน ส่งผลให้บ้านร้อน นั่นคือข้อเสีย แต่ถ้ามองในแง่ดี การเจาะช่องแสงก็มีประโยชน์อย่างมากกับบ้านบางประเภทที่มีปัญหาเรื่องความมืดภายในบ้าน ยกตัวอย่างบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่ด้านข้างเป็นกำแพงตัน ช่องแสงจะเข้าได้แค่ด้านหน้ากับด้านหลังซึ่งด้านหน้าส่วนใหญ่ก็มีการต่อหลังคาเป็นโรงรถ ส่วนด้านหลังก็จะต่อหลังคาออกไปเป็นครัว ลองนึกภาพดูสิว่า ภายในบ้านจะมืดขนาดไหน ถ้านำเทคนิคการเจาะช่องแสงมาช่วย จะทำให้บ้านทาวน์เฮ้าส์ที่ทั้งเล็กและแคบกลายเป็นบ้านที่สมดุลอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่าบ้านทาวน์เฮ้าส์จะมีขนาดเล็ก แสงที่ส่องลงมาจะทำให้บ้านร้อน แต่เราสามารถปรับความร้อนภายในบ้านได้ โดยการทำสวนหย่อมปลูกต้นไม้ วางน้ำ ตรงจุดที่แสงส่องก็จะลดความร้อนลงได้ ส่วนด้านหน้าที่เป็นทำหลังคาโรงรถ การเจาะช่องแสงก็สามารถช่วยให้บริเวณหน้าบ้านไม่มืดเช่นเดียวกัน โดยการเจาะช่องแสงด้านข้างของหลังคา แล้วจัดสวนรองรับแสงที่ส่องลงมาให้ความรู้สึกที่มีชีวิตชีวา ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นพลังหยางให้เกิดขึ้นหน้าบ้าน บ้านหรือสถานที่ที่มีขนาดใหญ่มากๆ ปัญหาเรื่องความมืดภายใน ก็เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ส่วนใหญ่จะใช้วิธีติดไฟเพิ่มความสว่าง แต่ถ้าใช้วิธีเจาะช่องแสงก็จะช่วยแก้ปัญหาได้มากกว่า ลองสังเกตพวกห้างสรรพสินค้า มักจะนิยมเจาะช่องแสงกลางห้างฯ เพื่อให้ภายในห้างฯมีความสว่างลดการใช้กระแสไฟในห้างฯลงได้มาก จะเห็นว่า ประโยชน์ของการเจาะช่องแสง ก็คือ การเพิ่มความสว่างให้กับบ้าน หรือสถานที่ ที่มีปัญหาเรื่องความมืด นั่นเอง เป็นการปรับสมดุลระหว่างหยิน (มืด) กับหยาง (สว่าง) โดยดึงธรรมชาติ (แสงอาทิตย์) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ มากกว่าจะใช้ไฟฟ้าที่มนุษย์สร้างขึ้น ข้อสังเกตในการเจาะช่องแสง ตำแหน่งในการเจาะจะต้องไม่กระทบกับคนในบ้าน เช่น ห้องนอน ส่วนใหญ่ช่องแสงมักจะเจาะบริเวณห้องโถง หรือบริเวณทางเดินภายในบ้าน ซึ่งจะไม่กระทบคนในบ้านอยู่แล้ว |
คำบรรยายภาพ 1.ช่องแสงบริเวณโรงรถด้านข้าง เพิ่มความรู้สึกให้หน้าบ้านมีชีวิตชีวามากขึ้น 2.บ้านทาวน์เฮ้าส์ที่เจาะช่องแสงด้านบนส่องลงมากลางบ้าน มีสวนหย่อมรับแสงลดความร้อนลงได้มาก |


