คือ ห้องใต้ดินจริงๆ หลายท่านคงคิดอยากมีห้องใต้ดิน อาจเพราะที่ดินจำกัดสร้างสูงไม่ได้ การลงใต้ดินจะได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แต่สิ่งที่อยากให้ทราบเพื่อการเตรียมตัวรับหากจะจัดทำห้องใต้ดิน คือ เรื่องความชื้น ต้องทำใจ เมืองไทยภูมิอากาศร้อนชื้น ระดับน้ำใต้ดินสูง (พื้นที่ กทม.) การทำห้องใต้ดินในเขตพื้นที่น้ำใต้ดินสูงต้องใส่ใจและระมัดระวังมาก ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ


สิ่งที่ควรทราบ หากคิดจะทำห้องใต้ดิน คือ ต้องให้วิศวกรผู้ชำนาญการ ออกแบบโครงสร้างให้ เพราะห้องใต้ดินต้องมีการก่อสร้างโดยใช้หลักการเดียวกับสระว่ายน้ำ เราต้องการโครงสร้างที่ป้องกันการซึมเข้าของน้ำ นั่นคือเรากำลังสร้างถ้วยแต่เป็นถ้วยที่สามารถรับแรงอัดจากภายนอกได้เนื่องจากดินด้านข้างจะพยายามดันตัวเข้ามาตลอดเวลา


ผนังห้องใต้ดินต้องรับแรงได้ดีด้วย นอกจากการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญแล้ว การก่อสร้างต้องสร้างด้วยช่างฝีมือที่มีประสบการณ์ เนื่องจากเป็นเทคนิคการก่อสร้างเฉพาะ หากการก่อสร้างไม่ดี ไม่เป็นไปตามแบบและเทคนิค จะส่งผลให้ห้องใต้ดินของท่านมีปัญหาการแตกร้าว การซึม หรือแม้แต่น้ำท่วม


คำถามที่ท่านเจ้าของควรถาม คือ

1. ใส่ Water stop หรือไม่ตามรอยต่อ (Water stop คือ ยางที่ถูกออกแบบมาให้วางตามรอยต่อการเทคอนกรีตเพื่อป้องกันน้ำซึม)

2. ใส่คอนกรีตผสมกันซึม หรือปฏิบัติตามขบวนการป้องกันน้ำของผู้ออกแบบหรือไม่

3. ช่องต่างๆ ที่ควรเจาะได้ทำการฝัง Sleeve และใส่วัสดุอุดตามคำแนะนำของผู้ออกแบบหรือยัง เนื่องจากหากไม่เตรียมไว้ก่อนเทคอนกรีต และหากไม่มีความจำเป็นผู้ออกแบบจะไม่ให้เจาะผนังห้องใต้ดินเพราะไม่สามารถรับประกันการรั่วซึมได้


หากท่านถาม 3 ข้อนี้แล้วได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจ พร้อมทั้งมีการปฏิบัติตาม ท่านก็สบายใจได้ แต่หากท่านมีห้องใต้ดิน แล้วมีปัญหาข้างต้น ควรจะเชิญวิศวกรเข้าตรวจสอบปัญหาของท่านโดยด่วนจะเป็นการดีที่สุด


ปัญหายอดนิยมคือ

น้ำซึม อันที่จริงน้ำซึมเป็นสิ่งที่ปกติสำหรับห้องใต้ดินก็ว่าได้ เพราะโดยธรรมชาติของคอนกรีตแล้วมีลักษณะเป็นรูพรุน


การที่ผสมสารกันซึมเพื่อช่วยเติมเต็มรูพรุนตามธรรมชาติ แต่ก็มีบ้างที่ไม่หมด หากน้ำซึมของท่านเกิดขึ้นช่วงต้นแล้วต่อมาเกิดคราบแข็ง ท่านไม่ต้องห่วง คราบแข็งคือแคลเซียมเป็นยาอุดธรรมชาติ แต่หากน้ำซึมไม่หยุดและเพิ่มขึ้นต้องรีบเรียกช่าง


สาเหตุอาจเกิดรอยร้าวเนื่องจากการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานหรือเกิดจากโครงสร้างทรุดตัว ทั้งนี้การแก้ไขเป็นไปได้ 2 ทาง ซึ่งทางวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำได้แต่โดยหลักการมี 2 อย่างคือ

1. การซ่อมแซมรอยร้าวด้วยน้ำยาประสาน(เคมีประสาน)ประเภท ซิลิโคน

2. การทำระบบกันซึมภายในและเพิ่มระบบระบายน้ำอีกชั้น วิธีนี้จะพบมากในอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งโดยหลักการจะก่อสร้างภายใต้แนวความคิดนี้ คือ ทำผนังซ้อน 2 ชั้น คั่นกลางด้วยระบบระบายน้ำ ที่นิยมใช้กันมาก คือ ระบบรถไฟใต้ดิน โดยเฉพาะที่ Washington D.C. สหรัฐอเมริกา เนื่องจากเมืองตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำ


ปัญหาต่อมาเรื่องความชื้นสะสม เป็นสาเหตุของเชื้อรา ซึ่งจะนำมาถึซึ่งปัญหาน่าปวดหัวอื่น ๆ เช่น เชื้อรา สีลอก การกลั่นตัวของน้ำ สิ่งที่เราสามารถแก้ไขได้ คือ ติดระบบระบายอากาศ การทำระบบระบายอากาศที่ดีจะลดการสะสมของความชื้น ยิ่งหน้าฝนต้องระวัง ทั้งนี้ขนาดของพัดลมดูดอากาศ ก็ต้องเหมาะกับขนาดของห้อง และถ้าห้องโดนปิดทึบจะต้องมีระบบเติมอากาศควบคู่กันไป

ดังนั้นการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญท่านจะได้เสียสตางค์ครั้งเดียวและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

คำบรรยายภาพ

1.การจัดทำสระน้ำ ผนังน้ำตกที่ชิดติดกับผนังหรือตัวบ้าน หากไม่มีการจัดการป้องกันที่ดีก็จะสร้างปัญหาความชื้น เชื้อราให้กับพื้น ผนังบ้านได้

2.ห้องน้ำใต้บัดได ซึ่งไม่มีผนังส่วนใดรับแสงภายนอกยังสร้างความอึดอัด โชคดีที่ห้องนี้สามารถเจาะผนังให้เป็นกรอบกระจกใสมองเห็นวิวภายนอกอย่างสบายตา ขณะที่ห้องใต้ดินนั้นต้องเปิดไฟให้แสงตลอดวัน