ขณะปล่อยให้ทีมช่างภาพไปเก็บรูปบรรยากาศในมุมต่างๆ เราก็ถือโอกาสมาพูดคุยกับเจ้าของบ้านพร้อมมัณฑนากร คุณกรฤต หวังศรีตรัย และคุณกศิจสิณต์ สุวัฒนพิมพ์ กรรมการผู้จัดการจากบริษัท บางกอกเดย์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเล่าให้ฟังว่า “ ออกแบบสเปซให้เหมือนเป็น Gallery Art คือเป็นกลางและเรียบง่าย เพื่อเน้นเฟอร์นิเจอร์โบราณที่เจ้าของบ้านนำมาจากอินเดียให้เด่นขึ้น ” ซึ่งก็ได้ผลเพราะเมื่อเข้ามาในบ้านที่เป็นโถงโล่ง มีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากชิ้นนัก แต่ทว่าแสดงออกถึงต้นทางความเป็นอินเดียอย่างหนักแน่น ผ่านลวดลายแกะสลัก รอยขีดข่วนจากการใช้งานที่ซึมซับมนต์เสน่ห์และส่งต่อมาถึงปัจจุบัน
“ ผมค่อยๆหาซื้อของโบราณที่ถูกใจก่อน แล้วจึงมาออกแบบบ้านให้เข้ากัน เพราะอยากให้บ้านมีกลิ่นอายของความเก่าแบบอินเดียในสไตล์ออเรียนทัลโมเดิร์น ” เจ้าของบ้านอธิบายหลังจากเล่าความเป็นมาของเฟอร์นิเจอร์โบราณแต่ละชิ้น แม้ทั้งคู่จะไม่ได้เกิดที่อินเดียและเป็นคนไทยเต็มขั้นมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณปู่แล้ว แต่ยังคงผูกพันและภูมิใจในสายเลือด จึงหวนกลับไปยัง “ ราก ” เดิมและปรับให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งแตกต่างจากบ้านคนอินเดียแต่ดั้งเดิมที่นิยมใช้พื้นหินอ่อนสีขาวเพราะดูสะอาดตา และแต่งผนังสีสันสดใสประดับลวดลายวิจิตร
ขณะคุยกันอย่างออกรส ชาอินเดียกลิ่นหอมกรุ่นในแก้วลายสวยบนถาดเงินเงางาม ถูกยกมาเติมอารมณ์ให้อุ่นขึ้น เป็นการลิ้มรสชาติดั้งเดิมในบรรยากาศร่วมสมัย เหมือนการดึงกลิ่นอายอินเดียออกมาผสมผสานสไตล์โมเดิร์นให้กลมกล่อม “ ผมสร้างความสัมพันธ์ของทุกอย่างในบ้านเป็นระบบกราฟิก คือใช้เส้นพื้น ผนัง คิ้วบัว รวมทั้งลวดลายวัสดุให้ต่อเนื่องกัน ใช้พื้นผิวสัมผัสเรียบๆ และโทนสีอบอุ่นแบบเอเชีย ซึ่งทั้งหมดจะไม่รบกวนเสน่ห์เฟอร์นิเจอร์โบราณที่บ่งบอกตัวตนได้ชัดเจนอยู่แล้ว ” มัณฑนากรเล่าพลางจิบน้ำชา
ภาพวิถีชีวิตแบบอินเดียค่อยๆปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวแต่ก็ยังไม่ชัดเจน จนต้องขออนุญาติถามเจ้าของบ้านว่า อะไรคือความเป็นอินเดียในมุมมองของเขา “ ทุกอย่างเริ่มมาจากครอบครัวซึ่งมีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง เราจะให้ความสำคัญกับบ้านมากเพราะอยู่กับมันทุกวัน อย่างที่อินเดียถ้าคุณเป็นแขกของเขา เขาจะเชิญไปที่บ้านก่อน ทานอะไรกันนิดหน่อยเหมือนเป็นคนในครอบครัว แล้วสักสามทุ่มจึงออกไปทานอาหารเย็นนอกบ้าน ” คุณสุเทพและคุณริตูช่วยกันเล่าจนเราเห็นภาพว่า ในความหลากหลายที่มากมายของอินเดียเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องมาจากสายสัมพันธ์ของครอบครัว เห็นได้ชัดจากบ้านหลังนี้ที่เป็นตึกเจ็ดชั้น สามชั้นบนเป็นพี่น้องกันอยู่ครอบครัวละชั้น และมักจะเดินขึ้นลงไปหากัน ทำอาหารทานร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่
แม้ว่าสไตล์โมเดิร์นจะแผ่คลุมไปทั่วโลก จนไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็รู้สึกเหมือนๆกัน แต่ถ้าเรามีรากแก้วที่แข็งแรง ก็ไม่มีอะไรมาโค่นหรือเปลี่ยนตัวตนของเราไปได้ คงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดถ้าเราเสริมแต่งความคิดตัวเองจนไม่อาจจดจำสิ่งที่หัวใจเป็นได้