เราจึงขออนุญาตเขียนถึงห้องนี้เป็นหลักนะคะ เสาที่ว่านี้เป็นเสาที่ใช้รับน้ำหนักผนังของห้องด้านบน ซึ่งจะไปตัดออกก็คงไม่ได้ จะก่อผนังให้เต็ม บ้านนี้ก็จะดูอึดอัดขึ้นมาทันทีดังนั้นวีธีที่จะทำให้เสาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านโดยที่เราต้องไม่รู้สึกขัดตาเป็นอย่างไร ต้องตามมาดูพร้อม ๆ กันเลย

AFTER
1.บรรยากาศใหม่ในมุมเดิม
เราเริ่มตั้งแต่การคิดโจทย์แก้ปัญหาเรื่องเสากันก่อน มองจากด้านนอกเราจะรู้สึกว่าห้องครัวกับห้องทานอาหารเกือบจะเป็นห้องที่เชื่อมกันได้อย่างลงตัวแล้ว แต่บังเอิญว่า 2 ห้องนี้ห่างกันเกินไป ซึ่งนอกจากเสาแล้ว เรายังเจอห้องส้วมที่เป็นตัวกลางอีกด้วย ( เรื่องใหญ่นะเนี่ย ) ดังนั้นเพื่อไม่ให้บรรยากาศเวลาทานอาหารเสียไปยามที่มีแขกมาที่บ้านหรือแม้แต่คนในบ้านเองด้วย เราจึงหาทางออกด้วยการดึงเสาเข้ามาเป็นส่วนร่วม แต่จะทำอย่างไรนั้น โชคดีที่เรานึกได้ว่าเราน่าจะมีเคาน์เตอร์บาร์เพื่อพักอาหารก่อนที่จะมาเสิร์ฟ และสามารถนั่งทานอาหารเวลาที่เบื่อจัดโต๊ะอาหารโต๊ะใหญ่ ในช่วงเวลาเร่งด่วน ในที่สุดเราก็ตกลงที่จะ บิวท์อินเคาน์เตอร์บาร์มาแก้ปัญหาความห่างไกลได้อย่างลงตัว

2.มุมนี้ก็เลยดูดีไปด้วย
เมื่อจัดการบิวท์เคาน์เตอร์บาร์ลงไปได้แล้วเราก็มาจัดการกับส่วนทานอาหารได้เสียที ธีมสีหลัก ๆ ที่ใช้ในห้องนี้เป็น ทูโทน ค่ะ เพราะเราต้องการสร้างความน่าสนใจและไม่น่าเบื่อจากโทนสีเพียงสีเดียวเหมือนเคย เราตัดสินใจเลือกโต๊ะกระจกขาสีน้ำตาล มาใช้งานคู่กับเก้าอี้ไม้สีดำเบาะหนังสีขาว ให้เข้ากับสีของเคาน์เตอร์บาร์ เมื่อนั่งมองจากมุมของโต๊ะอาหารเราจะรู้สึกถึงอาณาเขตของห้องนี้ได้โดยที่เราไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนกับการกั้นห้องเลย

3.เสาต้นนี่ล่ะเจ้าปัญหาจึงต้องแก้เสียที
เราใช้เสาเข้ามาแตะกับบาร์โดยที่ทำให้เสาเป็นเหมือนที่พิงของเคาน์เตอร์บาร์ ให้คนอื่นรู้สึกว่าถ้าไม่มีเสาบาร์ต้องล้มแน่ ๆ ( สร้างคุณค่าให้เสาด้วยความรู้สึก ) แต่จริง ๆ แล้วเราใช้เสาสเตนเลสเป็นตัวรับน้ำหนักต่างหาก และสร้างความน่าสนใจด้วยสีสันสีแดงสดของเก้าอี้ และโคมไฟแก้วบนเพดาน เพ่งดี ๆจะเห็นถึงห้องครัวเล็ก ๆ ที่แยกออกเป็นสัดเป็นส่วนไปทางด้านหลังบ้าน แต่พอมีเคาน์เตอร์บาร์เข้ามาช่วยห้องครัวจึงดูไม่ไกลมากและยังคงเชื่อมกันด้วยความรู้สึกเช่นเคย

4.สร้างสีสันอันสดใส
จากการที่เราเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีทูโทน และสีขาวเป็นสีที่มีสัดส่วนมากกว่าสีน้ำตาล ( ดูเผิน ๆ เหมือนกับลิ้นชักสีน้ำตาลเข้มชุดนี้ลอยได้ค่ะ ) ดังนั้นเราอาจจะรู้สึกว่าห้องนี้ขาดสีสันไปสักนิด ดังนั้นไม่ยากค่ะ เราใช้ PROP.สีสด ๆ เข้ามา สร้างบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นรูปวาดสีฟ้าเขียวบนผนัง กระถางต้นไม้บนชั้นไม้สีขาวที่ตัดกันได้เป็นอย่างดีกับสีขาวของชั้นชุดนี้

5.จะเปิดด้านไหนก็ได้เหมือนกัน
เนื่องจากเคาน์เตอร์บาร์ชุดนี้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกทั้ง 2 ด้าน ดังนี้เราจึงออกแบบให้เปิดลิ้นชักได้ทั้ง 2 ด้านเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเวลาเปิดห้ามดันแรงจนเกินไปไม่อย่างนั้นแล้วลิ้นชักอาจจะกระเด็นไปอีกฝั่งได้เหมือนกันค่ะ

6.อิ่มใจและอิ่มกายด้วยภาพ และของตกแต่งที่สร้างบรรยากาศได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญบรรยากาศดี ๆ แบบนี้เราใช้งบประมาณไปทั้งหมดแค่ 112,000 บาท หากไม่รวมชุดครัวก็เหลือแค่ 44,000 บาท เท่านั้นเองค่ะ
รายการใช้จ่ายทั้งหมด
1. ชุดโต๊ะเก้าอี้ทานอาหาร 6ที่นั่ง 25,000 บาท
2. เคาน์เตอร์บาร์กั้นส่วน 8,000 บาท
3. โคมไฟเพดาน 3,000 บาท
4. เก้าอี้ 2 ตัว 5,000 บาท
5. ชุดห้องครัวขนาด 4.25 ม. 68,000 บาท
6. ของตกแต่ง 3,000 บาท
รวมทั้งหมด 112,000 บาท