ไทย ควรจะมีความต่อเนื่องกับ ห้องครัว Pantry เพื่อความสะดวกในการพักและเสริฟอาหารได้อย่างคล่องตัว
เกินไปที่อาจมีปัญหาเรื่องกลิ่นตามมา เพราะครัว Pantry ส่วนใหญ่อยู่ภายในบ้าน มีความต่อเนื่องกับห้องรับประทานอาหาร รูปแบบของผังครัว Pantry โดยทั่วไปสามารถจัดแบ่งได้เป็น 5 แบบ ได้แก่
จะสะดวกกว่าแบบเส้นตรง เพราะตำแหน่งของหัวเตา อ่างล้าง จานละตู้เย็นอาจอยู่ตรงข้ามกันตามความเหมาะสม
เพดานห้องครัวไม่ควรจะต่ำเกินไป เพราะจะทำให้การระบายอากาศ ไม่สะดวกเท่าที่ควร และอาจทำให้อึดอัดได้ สำหรับห้องครัวในบ้านธรรมดาทั่วไป ควรมีเพดานสูงจากพื้น 2.60 – 2.75 เมตร
ต่างๆ ไว้ตรงเกาะกลางแทนที่จะอยู่บนตู้ชิดผนัง
ที่ตั้ง
ห้องครัวมักจะอยู่ส่วนหลังสุดของบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นจาก การปรุงอาหารรบกวนห้องอื่น ๆ และควรอยู่ติดกับห้องเตรียมอาหารด้วย ห้องครัวจะอยู่ชั้นล่างของบ้านเสมอ และควรตั้งอยู่ในที่ซึ่งมีการระบายอากาศดี
การจัดครัวนั้นจำเป็น จะต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย เพราะจะช่วยให้รู้เรื่อง ถึงลักษณะการใช้ของครัว แต่ละแบบ และเพิ่มความมั่นใจ ในการเลือกแบบ แต่ละแบบ ให้เข้าได้กับ สภาพพื้นที่ภายในบ้านที่มีอยู่ โดยให้คำนึงถึง ความสะดวกและความประหยัด ของพื้นที่ เพื่อให้เกิด ความคล่องตัว ขณะประกอบอาหารได้มากที่สุด
ระบบถ่ายเทอากาศ
เมืองไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อน การสร้างบ้าน จึงนิยมทำหน้าต่าง และช่องลมมาก ระบบหารถ่ายเท อากาศ จึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก ห้องครัวที่โปร่งโล่ง จึงเป็นลักษณะของครัวที่น่าใช้ และทางที่ดีห้องครัว ควรจะติดหน้าต่างไว้หลายๆบาน เพื่อเปิดรับแสง ธรรมชาติ เพราะแดดยามบ่าย สามารถจะช่วย ฆ่าเชื้อโรค ไล่ความเปียกชื้น ความอับทึบให้ กับครัวได้ แต่สำหรับครัวของสังคม เมืองหลวง วิธีนี้จะไม่สามารถ ถ่ายเทอากาศได้ และถ้า ระบบการถ่ายเทอากาศไม่ดีพอ ก็จะทำให้เกิดกลิ่น อันไม่น่าภิรมย์ขึ้น ดังนั้น จึงต้องใช้วิธี ติดพัดลม ระบายอากาศเหนือเตา เพื่อดูดควันอาหาร ออกไปข้างนอก ช่วยลดกลิ่นต่างๆ หรือจะติด เครื่องดูดกลิ่น และ ควันที่ด้านบน ของเตาได้
พื้นห้อง
การประกอบอาหารในทุกวัน เราต้องยืน เดินไปมา ระหว่างทำอาหารอยู่บ่อยๆ ซึ่งบางครั้งอาหาร อาจหล่นตกพื้น สร้างความเลอะเทอะ เปรอะเปื้อนพื้นได้ พื้นห้องควรลดระดับต่ำกว่าส่วนอื่นของบ้านประ มาณ 10 ซม. เพื่อเวลาทำความสะอาดพื้นหรือล้างพื้นห้อง น้ำจะได้ไม่ไหลเปรอะเปื้อนห้องอื่น และที่สำคัญอีกอย่างคือ ควรให้พื้นมีความลาดเอียงเล็กน้อยสำหรับการไหลของน้ำลง ท่อระบายน้ำที่เตรียมไว้การที่จะเลือกวัสดุ ประเภทใด มาปูพื้นนั้น ควรยึดหลัก ความทนทาน และทำความสะอาด ได้ง่ายเป็นหลัก เพราะห้องครัว เป็นห้อง ที่มีการ ใช้ความร้อนอยู่เป็นประจำ พื้นห้องจึงจำเป็น ต้องทนทาน ต่อความร้อนได้ดี และจะต้องไม่ลื่นหรือมีผิวมันจนเกินไปนัก พื้นครัวมีให้เลือก ทั้งที่เป็นพื้นกระเบื้อง พื้นหินขัด ซึ่งทนทาน ต่อการใช้งาน รักษาความสะอาดได้ง่าย แต่ค่อนข้างเย็น พื้นไม้ซึ่งให้ ความอบอุ่น สวยงาม แต่จะสกปรกง่าย หรือไวนิล ที่มีลวดลายสวยงาม การดูแลรักษาความสะอาด ทำได้ง่าย แต่ไวนิลนั้น จะชำรุดง่ายเช่นกัน
เพดาน
เพดานนับว่าเป็นปราการป้องกันแดดฝน ซึ่งเป็นชั้นรองจากหลังคาจึงไม่ควรละเลย หรือมองข้ามความสำคัญไป การเลือกใช้วัสดุแผ่นเรียบโดยทั่วๆไป อันได้แก่ กระเบื้อง ไม้อัด ยิปซั่มบอร์ด วัสดุเหล่านี้เป็นวัสดุที่น่าใช้งานมากที่สุด และสิ่งที่สำคัญคือ เมื่อใช้หรือติดตั้งแล้ว ควรทาสีโทนอ่อน เพื่อช่วยให้ห้องดูสว่างขึ้น ผนัง ผนังมีความสำคัญพอๆ กับพื้น คือ ต้องทำความสะอาดได้ง่าย วัสดุที่ใช้ ควรเป็นจำพวกกระเบื้องเคลือบที่มีผิวไม่มันหรือด้านจนเกินไป ผนัง
เครื่องใช้ในครัว
เพดาน
เพดานนับว่าเป็นปราการป้องกันแดดฝน ซึ่งเป็นชั้นรอง จากหลังคาจึงไม่ควรละเลย หรือมองข้ามความสำคัญไป การเลือกใช้วัสดุแผ่นเรียบ โดยทั่วๆไป อันได้แก่ กระเบื้อง ไม้อัด ยิปซั่มบอร์ด วัสดุเหล่านี้เป็นวัสดุที่น่าใช้งานมากที่สุด และสิ่งที่สำคัญคือ เมื่อใช้หรือติดตั้งแล้ว ควรทาสีโทนอ่อน เพื่อช่วยให้ห้องดูสว่างขึ้น ผนัง ผนังมีความสำคัญพอๆ กับพื้น คือ ต้องทำความสะอาดได้ง่าย วัสดุที่ใช้ ควรเป็นจำพวก กระเบื้องเคลือบ ที่มีผิวไม่มันหรือด้านจนเกินไป ผนังที่ก่อ ด้วยอิฐฉาบปูนธรรมดา ควรหลีกเลี่ยง เพราะจะก่อให้เกิด ความสกปรกได้ง่ายและทำความสะอาดได้ยาก
การจัดห้องครัวควรคำนึงถือความสะดวกในการใช้งาน และความสะอาดเรียบร้อยเป็นสำคัญ สำหรับการจัดวาง เครื่องเรือนเพื่อให้การปฏิบัติงานในครัว เป็นไปด้วย ความสะดวกสบายนั้นมีหลักคือ ให้ระยะของ การทำงาน (ด้านข้างจากซ้ายถึงขวา) ประมาณ 1.2 เมตร ส่วนด้านลึกประมาณ 0.50 เมตร
*ตู้เย็น สำหรับเก็บอาหารสด ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในบ้าน
*เตา สำหรับหุงต้ม มีหลายแบบ ได้แก่
-เตาแก๊ส มีทั้งแบบที่มีแต่หัวเตา แบบเตาเดี่ยวที่มีโครงภายนอกตั้งบนโต๊ะ ไปจนถึงแบบที่เป็นตู้ใหญ่มีหัวเตา 3-5 หัว และด้านล่างเป็นเตาอบ และมีที่เก็บถังแก๊ส แต่โดยทั่วไปนิยมเก็บถังแก๊สไว้ภายนอกบ้านเพื่อความปลอดภัย โครงภายนอกของเตาแก๊สนิยมใช้โลหะที่ไม่เป็นสนิม ถ้าเป็นตู้ใหญ่มักเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบ (enamel) ซึ่งง่ายต่อการทำความสะอาด
-เตาไฟฟ้า มีให้เลือกใช้หลายขนาดเช่นเดียวกับเตาแก๊ส โดยต้องคำนึงถึงระบบจ่ายไฟฟ้าให้มีกำลังไฟฟ้ามากพอต่อการใช้งาน และระบบความปลอดภัยของเตาที่ดี
-อ่างล้างจาน มีหลายชนิดให้เลือก เช่น กระเบื้องเคลือบ อะลูมิเนียมสเตนเลสสตีล ฯลฯ ขนาดมาตรฐาน คือ 0.35 x 0.50 เมตร ลึก 0.15-0.20 เมตร อ่างคู่จะใช้งานในการล้างได้สะดวกมากกว่าอ่างเดี่ยว บริเวณด้านข้างของอ่างมีที่วางสิ่งของที่ต้องการล้างและมีที่วางพักน้ำเมื่อล้างเสร็จแล้ว การติดตั้งอ่างล้างจานที่มีระดับอ่างสูงพอเหมาะคือให้ผู้ใช้วางฝ่ามือแตะก้นอ่างได้พอดีโดยไม่ต้องงอข้อศอกหรือก้มตัว
การแบ่งตามลักษณะการติดตั้ง มี 2 แบบ คือ
1.1 การติดตั้งแบบลอยตัว เตาที่ติดตั้ง แบบลอยตัว นั้นถ้าเป็นเตาที่มีลักษณะเฉพาะ หัวเตา อย่างเดียว จะต้องวางไว้บนเคาน์เตอร์ ซึ่งเคาน์เตอร์ จะต้องทำระดับให้ลดลง เพื่อจะได้มีเนื้อที่ไว้ สำหรับ วางเตา และจะทำให้ระดับด้านบนของเตา และ เคาน์เตอร์สูง เท่ากันพอดี
1.2 การติดตั้งแบบเจาะฝัง ( Built-in ) เตาที่ติดตั้งแบบเจาะฝัง จะมีเฉพาะ ตัวเตาเจาะฝัง ไว้ ในเคาน์เตอร์ซึ่งจะมีหัวเตาโผล่ขึ้นมาเท่านั้น ดูแล้วทำให้ ไม่เกิดการเกะกะ แต่กลับดูเป็น ระเบียบ เรียบร้อย และสวยงามอีกด้วย การติดตั้งแบบนี้ จึงเป็นที่นิยมมาก สำหรับคนที่ต้องการ จะตกแต่งครัว ในสมัยนี้
1. แบบใช้แก๊ส
2. แบบใช้ไฟฟ้า
3. แบบใช้ถ่าน (ซึ่งแบบนี้ไม่นิยมติดตั้งไว้ในครัวสำเร็จรูป) นอกจากนี้ยังมีเตาอีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมใช้กันคือ เตาแก๊สที่มีตู้อบอยู่ในตัวด้านล่าง ถ้าใช้เตาลักษณะนี้จะต้องออกแบบแปลนครัว ให้มีช่องว่างไว้สำหรับวางเตา แต่ถ้าหากต้องการเตาอบ ควรเลือกใช้เตาอบไมโครเวฟ เพราะสามารถที่จะใช้งานได้อย่างมาก และสะดวกสบาย ไม่ว่าจะวางไว้ส่วนไหนของครัวก็ตาม
แบบหลุมคู่ไม่มีที่พักจาน
แบบหลุมเดี่ยวมีที่พักจานข้างเดียว (ซ้ายหรือขวา)
แบบหลุมเดี่ยวมีที่พักจาน 2 ข้าง
แบบหลุมคู่มีที่พักจานข้างเดียว
แบบหลุมคู่มีที่พักจาน 2 ข้าง
แบบหลุมเดี่ยวมีที่พักจานและหลุมเล็กสำหรับอาหาร และ
แบบหลุมคู่มีที่พักจาน 2 ข้างและหลุมเล็กสำหรับเศษอาหารตรงกลางหรือชนิดที่ฝังตัวอยู่ใน เคาน์เตอร์
การเลือกอ่างล้างจานควรหลีกเลี่ยงอ่างล้าง ประเภทเคลือบที่มีพื้นผิวแข็ง วัสดุที่ใช้สำหรับทำขอบอ่างล้างจานก็จะมีหลายชนิด ควรเลือกใช้
อ่างพลาสติก อ่างอะลูมิเนียม หรืออ่างสแตนเลส ทั้งนี้เพื่อป้องกัน การกระทบกระแทก ของแก้วจานชามต่างๆ ส่วนวัสดุที่ใช้สำหรับทำขอบอ่างล้างจานก็จะมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สแตนเลสซึ่งเป็นวัสดุไม่ซึมน้ำ แข็งแรง ทนทาน สวยงาม ทันสมัย ทำความสะอาดง่าย ถ้าคุณเลือกแบบสแตนเลสควรเลือกแบบที่มีส่วนผสมของโครเมี่ยมและนิเคิลในสัดส่วน 8:10 เพราะจะให้ทั้งความมันวาวและคงทน แต่ถ้าเป็นแบบเหล็กเคลือบสีก็จะมีความแข็งแกร่ง มีสีให้เลือกมากมาย ราคาก็ไม่แพง หรือจะเป็นชนิดที่ทำด้วยหินธรรมชาติก็จะมีความคงทน สวยงามและทำความสะอาดง่าย ส่วนชนิดที่ทำด้วยพลาสติคลามิเนตก็จะให้ความหลากหลายในเรื่องของสีสัน รูปแบบ ผิวสัมผัสและทำความสะอาดง่าย
ปัจจุบันได้กลายเป็นอุปกรณ์ครัว ที่มีความจำเป็น ในชีวิตประจำวันมาก เนื่องจากสภาพ ความเป็นอยู่ของสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป ตู้เย็นจึงมีบทบาทขึ้นมาก ตามความต้องการ เพราะตู้เย็น สามารถเก็บรักษาอาหารไว้ได้นานๆ จะหยิบใช้เมื่อไร ก็สะดวกสบาย แต่การตั้งตู้เย็น ก็ไม่จำเป็นต้องตั้ง ไว้ในครัวเสมอไป ถ้าหากพื้นที่ในครัวมีไม่เพียงพอ
การจะเลือกตู้เย็นขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับ ความต้องการ ของผู้ใช้ และการใช้งานของแต่ละบ้าน ตู้เย็นที่มีขาย ตามท้องตลาดส่วนมาก จะมีขนาดตั้งแต่ 4 คิว ถึง 16 คิว ให้เลือกได้ตามความจำเป็นในการใช้งาน
เตาไมโครเวฟ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า กระติกน้ำร้อน ที่ปิ้งขนมปัง เตาอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งอุปกรณ์เสริมเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นสิ่งที่อำนวยประโยชน์ให้กับชีวิตประจำวัน และอำนวยความสะดวก สบาย ให้กับการประกอบอาหารได้อย่างมาก
สำหรับครัวสมัยนี้ เตาไมโครเวฟมีความสำคัญ และมีประโยชน์ในการใช้อุ่นอาหาร หรือประกอบอาหารได้ทั้งยาก-ง่าย เตาไมโครเวฟยังเป็นเครื่องที่ช่วยประหยัดเวลาในครัวได้ดี
5.1 ตู้เก็บของชั้นบน หรือตู้แขวนข้างบน เป็นตู้ที่ใช้เก็บของต่างๆที่มีความจำเป็นต้องใช้ในครัว ซึ่งเราสามารถจุออกแบบให้เป็นตู้ใส่กับข้าวด้วยก็ได้
5.2 เคาน์เตอร์ หรือชั้นวางของ ( Work Top) เป็นที่วางเตาหุงต้ม และอ่างล้าง ปกติเคาน์เตอร์ในครัว ควรทำให้สูง 80 ซ.ม. และกว้าง 60 ซ.ม.ซึ่งการจัดวางนั้น จะขึ้นอยู่กับการวางแปลนของแต่ละคน และต้องมีเนื้อที่ เพียงพอ กับการใช้งาน บริเวณที่วางเตา จะต้องมี เนื้อที่ทั้ง 2 ข้างให้ว่างเพื่อที่จะเอาไว้ วางของในขณะ ประกอบอาหาร
5.3 ตู้เก็บของชั้นล่าง ส่วนมากจะเก็บพวกถ้วยชาม หม้อ กระทะ และอุปกรณ์อื่นๆ ตู้เก็บของชั้นล่าง สามารถที่จะออกแบบ ให้ปรับระดับได้ เพื่อไว้เก็บของชิ้นใหญ่ หรืออาจจะมีตะกร้าไว้ สำหรับเก็บถ้วยชาม ด้วยก็ได้ บางตู้อาจออกแบบไว้ สำหรับใส่ถังแก๊ส ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทั้งเจ้าของบ้าน และนักออกแบบ จะต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน โดยคำนึงถึงความต้องการของเจ้าของบ้านเป็นหลัก .
ในการติดตั้งอุปกรณ์ครัว จะต้องคำนึงถึง องค์ประกอบ ร่วมอย่างอื่นภายในครัวด้วย เพื่อที่จะได้ครัว ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ส่วนประกอบอื่นๆที่ต้องมีในครัวคือ
การปูพื้นด้วยกระเบื้องตามผนังครัว ตามมาตรฐาน จะเริ่มปูที่ระดับความสูง จากแนวพื้นครัวประมาณ 81 ซ.ม. และปูตามแนวกระเบื้องให้สูงขึ้นไปประมาณ 60 ซ.ม. สำหรับบริเวณที่วางเตาแก๊สและเครื่องดูดควัน ควรจะเพิ่มความสูง ของแนวกระเบื้องมาตรฐาน
- ท่อน้ำที่ต่อมาจากผนังด้านนอก ท่อน้ำดีจะต้องสูงจากพื้นประมาณ 50 ซ.ม. ส่วนท่อน้ำทิ้งควรสูง จากพื้นประมาณ 30 ซ.ม.
- ท่อน้ำที่ต่อจากพื้นขึ้นไป ท่อน้ำดีควรห่างจากผนัง 30 ซ.ม. และท่อน้ำทิ้งควรห่างจากผนัง 30 ซ.ม. เท่ากัน
2. การติดตั้งปลั๊กไฟ ควรเพียงพอกับอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่มีอยู่ในครัว เพื่ออำนวยความสะดวกได้ อย่างทั่วถึง โดยควรยึดหลัก ต่อไปนี้
- ปลั๊กไฟสำหรับเตา ควรติดตั้งให้สูงจากพื้น 60 ซ.ม.
- ปลั๊กไฟสำหรับเครื่องดูดควัน ควรติดตั้งให้สูงจากพื้น 190 ซ.ม.
- ปลั๊กไฟสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ควรให้อยู่สูง จากพื้น 120 ซ.ม.
หน้าต่างในห้องครัวควรอยู่ในบริเวณที่แสงแดด ส่องผ่านได้อย่างทั่วถึง เพื่อจะช่วยให้ภายในครัว ไม่เกิด การอับชื้นหรือขึ้นรา และอากาศ ยังสามารถ ถ่ายเท ได้สะดวกอีกด้วย การติดตั้งหน้าต่างในครัวนั้น ควรติดให้มากพอเพียงกับความต้องการ ตามปกติ วงกบหน้าต่าง ควรสูงจากพื้นประมาณ 90 ซ.ม. และความสูง ของหน้าต่าง 110 ซ.ม.
กระทะ มีด้วยกันหลายรูปแบบและชนิดที่ผลิต ให้เลือกได้ตามความต้องการ กระทะเหล็กเคลือบ เหมาะสำหรับการปรุงอาหารที่ต้องใช้เวลานานๆ บนเตา กระทะที่ทำด้วยเหล็กสแตนเลส จะไม่ทำปฏิกิริยากับกรดหรือด่าง แต่อย่าใช้ไฟแรง ถ้าไม่ต้องการให้เปลืองน้ำมันเวลาทอด ก็ควรที่จะเลือกใช้ กระทะแบน กาต้มน้ำ มีทั้งแบบโลหะที่ใช้งานได้ดีและประหยัดพลังงาน และแบบพลาสติก ที่ทนความร้อน มีด ควรเลือกชนิดที่ดีๆ เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งาน และควรเก็บ ให้มิดชิด เพื่อป้องกันอันตราย