แม้ว่าลักษณะงานสถาปัตยกรรมจากช่วงเวลาทั้งหมดตั้งแต่ ต้นศตวรรษที่ 16 (ค.ศ. 1501) จนถึงต้นศตวรรษที่ 19 (ค.ศ. 1901) จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป แต่ก็มีหลักการสำคัญที่คล้ายๆ กันคือ การเน้นไปที่การตกแต่งประดับประดาด้วยสัดส่วนที่สวยงามและลงตัว ดูหรูหรา โออ่า บ่งบอกถึงฐานะ ทำให้มักเป็นที่ชื่นชอบสำหรับบรรดาผู้มีฐานนะอย่างเช่น พ่อค้า คหบดี หรือบุคคลระดับสูงซึ่งมีหน้ามีตาในสังคม
ใครอยากแต่งบ้านสไตล์คลาสสิคหรืออยากรู้ว่าสไตล์คลาสสิคเป็นอย่างไรลองไปดูกันครับว่าเป็นอย่างไร
เนื่องจากสไตล์คลาสสิคเป็นสไตล์ที่เน้นความหรูหราไม่เน้นประโยชน์ใช้สอยมากนัก การจะทำให้รู้สึกหรูหรา โออ่า ทำได้ง่ายๆ ด้วยการออกแบบห้องให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติหรือทำฝ้าเพดานสูงๆ (Open Well) การเปลี่ยนบ้านให้เป็นสไตล์คลาสสิคจึงเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่กว้างๆ และมีฝ้าเพดานที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้การออกแบบโดยใช้หลักการสมดุลซ้าย-ขวา (Symmetrical balance) กับทั้งภายนอกและพื้นที่ใช้สอยภายในอาคารจะช่วยเพิ่มความรู้สึกหรูหราโออ่าให้กับผู้พบเห็นได้ง่าย
การใช้เสากลม ลอยตัว เพื่อทำให้ห้องหรือทางเดินแลดูกว้างขวาง มีการใช้ประตูหรือหน้าต่างพร้อมช่องแสงด้านบนซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปกติเพื่อให้ดูโอ่โถง
การใช้วัสดุของสไตล์คลาสสิค ลักษณะเด่นของการแต่งบ้านสไตล์คลาสสิคคือการใช้ที่เป็นวัสดุธรรมชาติ สำหรับพื้นจะนิยมใช้หินอ่อน หินแกรนิต หรือบางครั้งก็จะใช้พื้นหินขัด ที่ลักษณะพื้นผิวค่อนข้างมันเงาเพื่อให้ดูโก้หรู
ผนังภายนอกอาคารมักจะใช้ผนังสีขาวหรือหินธรรมชาติ โดยมักจะแบ่งผนังออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับล่าง (ต่ำกว่า 1 เมตร) ระดับกลาง (1 - 2.5 เมตร) และระดับบน (2.5 เมตร ขึ้นไป) โดยการใช้บัวปูนปั้นแบ่งผนังออกจากกัน สำหรับผนังภายในมักจะใช้วอลล์เปเปอร์ที่มีลวดลายที่นุ่มนวลในโทนสีครีมหรือน้ำตาลอ่อน เพิ่มรายของผนังด้วยการใช้บัวหรือคิ้ว กั้นแบ่งพื้นที่ผนังบริเวณกว้างๆ ออกเป็นพื้นที่ย่อยๆ เพื่อเพิ่มความรู้สึกของงานที่ดูประณีตมากขึ้น
สำหรับฝ้าเพดานมักจะใช้ฝ้าเพดานสีขาว และมีการเล่นระดับของฝ้าเพดานหรือที่เรียกกันว่าฝ้าหลุมบริเวณกลางห้องเพื่อให้ดูสูง และเพิ่มมิติของห้องด้วยการซ่อนไฟบริเวณขอบฝ้านั่นเอง
การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ มักจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นงานไม้เพราะสามารถกลึงหรือแกะสลักได้ง่าย โดยใช้ไม้ซึ่งมีเนื้อไม้สีเข้ม อย่างเช่น ไม้โอ๊ก มีการกลึง เซาะร่อง และแกะรายละเอียด มีการย้อมสีไม้ธรรมชาติที่เน้นงานประณีต มีการโชว์ลายไม้หรือทำให้ดูเก่า และนิยมใช้ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ที่พิมพ์ลายชัดเจนหรือทออย่างประณีต หรือใช้หนังแท้ผสมผสานกับการตอกหมุดทองเหลือง นิยมใช้ม่านที่จับจีบระบาย หรือกุ๊นด้วยเชือกเกลียวอย่างเข้าชุดกันในการตกแต่งหน้าต่างหรือช่องแสง บางจุดก็อาจมีการใช้พรมเข้ามาช่วยในบริเวณห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นเพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกสบาย และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโคมไฟแขวนฝ้าเพดานที่มักจะติดไว้บริเวณกลางห้องเพื่อเน้นความหรูหร
และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงบ้านสไตล์คลาสสิค หลายคนคงต้องนึกถึงรูปปั้นหินหรือเสาโรมันสีขาวๆ ซึ่งถ้าใครยังพอจะจำกันได้ถึงความนิยมในช่วงหนึ่งที่ผ่านมา จากการที่เจ้าของบ้านหลายๆ หลังมักจะซื้อรูปปั้นหรือเสาหินมาติดตั้งตกแต่งประดับประดาเพื่อต้องการให้ดูหรูหรา มีระดับ แต่แน่นอนครับว่า การติดตั้งรูปปั้นหรือเสาหินไม่ได้เป็นการทำให้บ้านเหล่านั้นถูกเรียกว่าสไตล์คลาสสิคครับ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของสไตล์คลาสสิคเท่านั้น
เชื่อว่าหลายคนคงพอเห็นภาพ นึกออก และคงพอเข้าใจกันแล้วว่าสไตล์คลาสสิคเป็นอย่างไร หลายคนอาจชอบสไตล์คลาสสิคเพราะทำให้ดูหรูหรา โออ่า บ่งบอกถึงความมีฐานะ แต่หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นสไตล์ที่ฟุ่มเฟือย สิ้นเปลือง เมื่อเปรียบเทียบกับ สไตล์โมเดิร์น อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน รักแบบไหนชอบแบบไหน ลองตัดสินใจกันดูนะครับ